ความเป็นผู้ใหญ่ - ความฉลาดทางอารมณ์ - EQ
E.Q.เป็นคำฝรั่งที่ฟังดูโก้เก๋ในสมัยนี้ แต่โบราณเขาจะใช้คำว่า"ความเป็นผู้ใหญ่" ซึ่งก็มาจากความมีสติ+สัมปชัญญะ ในพุทธศาสนาที่ได้อบรมบ่มนิสัยให้บุคคลนั้นรู้จักคิด รู้จักพูด รู้จักวางตัวในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ คนที่มีสติ+สัมปชัญญะดี เมื่อทำแบบทดสอบ E.Q.ก็จะได้คะแนนสูงๆ เกือบทุกคน ดังนั้น E.Q.จึงเป็นสิ่งที่ฝึกเอาได้ถ้าต้องการ การฝึกสติก็มีวิธีทำมากมายโปรดศึกษาเอาเองเถิด อยากบอกว่าคนมีสติ+สัมปชัญญะมากๆ อุปมาเหมือนหนึ่งบุคคลที่อยู่ในห้องแคบๆ สัก 1 ตารางเมตรแล้วมีงูพิษตัวหนึ่งอยู่ด้วยในห้องนั้น ความระแวดระวังงู การเผชิญหน้ากับงูด้วยความกล้าหาญและอยู่ร่วมกับงูด้วยวิหิงสาไม่เบียดเบียนกันได้นั้น ต้องมีสติ+สัมปชัญญะตลอดเวลา
การที่บุคคลจะมีพฤติกรรมอย่างไรขึ้นอยู่กับคุณลักษณะที่มีอยู่ โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ นักจิตวิทยา มีความเห็นว่า I.Q. เป็นเรื่องของความฉลาดของคนเรา ประกอบด้วยหลายๆด้าน เช่น ความฉลาดทางเชาว์ปัญญา การคิด การใช้ เหตุผล การคำนวณ และการเชื่อมโยง ซึ่งในอดีตมีความเชื่อดั้งเดิมว่า คนที่มี I.Q. สูงจะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่จากการวิจัยของต่างประเทศพบว่า คนที่มี I.Q. สูงไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป แต่ปัจจัยที่ส่งผลให้คนประสบความสำเร็จ คือ ความฉลาดทางอารมณ์ E.Q. ซึ่งช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข สามารถเข้าใจ จัดการความรู้สึกของตนเองได้ดี เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น คือ ความสามารถในการรับฟังและเข้าใจทั้งความหมายตรง ความหมายแฝงตลอดจนสภาวะอารมณ์ของผู้ที่ติดต่อด้วย ด้านการจัดการศึกษาในปัจจบัน(การปฏิรูปการศึกษา) มีเป้าหมายให้ผู้เรียนมีลักษระอันพึงประสงค์คือ เป็นคนดี (M.Q) คนเก่ง (I.Q )และ มีความสุข(EQ)
ดังนั้น การพัฒนาความฉลาดทางเชาว์ปัญญา ความฉลาดทางศีลธรรม การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ หากนำความฉลาดดังกล่าวมาพัฒนาตนเอง ก็จะเป็นรากฐานที่ทำให้สังคมมีความสุข ความเจริญได้อย่างแท้จริงและยั่งยืนต่อไปอย่างแน่นอน
ฉลาดทางอารมณ์ = ฉลาดคิด+ ฉลาดพูด + ฉลาดทำ
ฉลาดคิด ---> ควบคุมความคิดได้ คิดในทางที่ดี คิดในทางสร้างสรรค์
ฉลาดพูด ---> เลือกพูดแต่สิ่งที่ดี มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงคำพูดที่จะทำให้คนเองและบุคคลอื่นเดือดร้อน
ฉลาดทำ ---> "ทำเป็น" ไม่ใช่แค่ "ทำได้" มีความรู้ความเชี่ยวชาญในงานนั้น ๆ
เทคนิคการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ในการทำงานสำหรับตนเอง
๑. รู้ทัน ฝึกรู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง บอกกับตัวเองได้ว่าขณะนี้กำลังรู้สึกอย่างไร และรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง ยอมรับข้อบกพร่องของตนเองได้ แม้เมื่อผู้อื่นพูดถึง ก็สามารถเปิดใจรับมาพิจารณา เพื่อที่จะหาโอกาสปรับปรุงหรือใช้เป็นข้อเตือนใจที่จะระมัดระวังการแสดงอารมณ์มากขึ้น
๒. รับผิดชอบ เมื่อเกิดความหงุดหงิด ไม่พอใจ ท้อแท้ ให้ฝึกคิดอยู่เสมอว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองจากการกระตุ้นของปัจจัยภายนอก เพราะฉะนั้นจึงควรรับผิดชอบต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้น และควรหัดแยกแยะ วิเคราะห์สถานการณ์ด้วยเหตุผล ไม่คิดเอาเองด้วยอคติหรือประสบการณ์เดิม ๆ ที่มีอยู่ เพราะอาจทำให้การตีความในปัจจุบันผิดพลาดได้
๓. จัดการได้ อารมณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นสามารถคลี่คลายสลายให้หมดไปด้วยการรู้เท่าทันและหาวิธีจัดการที่เหมาะสม เช่น ไม่จ่อมจมอยู่กับอารมณ์นั้น พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ โดยหางานหรือกิจกรรมทำ เพื่อให้ใจจดจ่ออยู่กับงานนั้น เป็นการสร้างความเพลิดเพลินใจขึ้นมาแทนที่อารมณ์ไม่ดีที่มีอยู่
๔. ใช้ให้เป็นประโยชน์ ฝึกใช้อารมณ์ส่งเสริมความคิด ให้อารมณ์ช่วยปรับแต่งและปรุงความคิดให้เป็นไปในทางที่มีประโยชน์ ฝึกคิดในด้านบวกเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ในการทำงาน
๕. เติมใจให้ตนเอง โดยการหัดมองโลกในแง่มุมที่สวยงาม รื่นรมย์ มองหาข้อดีในงานที่ทำ ชื่นชมด้านดีของเพื่อนร่วมงาน เพื่อลดอคติและความเครียดในจิตใจ ทำให้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้น
๖. ฝึกสมาธิ ด้วยการกำหนดรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ รู้ว่าปัจจุบันกำลังสุขหรือทุกข์อย่างไร อาจเป็นสมาธิอย่างง่าย ๆ ที่กำหนดจิตใจไว้ที่ลมหายใจเข้าออก การทำสมาธิช่วยให้จิตใจสงบ และมีกำลังใจในการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
๗. ตั้งใจให้ชัดเจน โปรแกรมจิตใจตนเอง ด้วยการกำหนดว่าต่อไปนี้จะพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้ และตั้งเป้าหมายในชีวิตหรือการทำงานให้ชัดเจน
๘. เชื่อมั่นในตนเอง จากงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง จะมีความสำเร็จในการทำงานและการเรียนมากกว่าคนที่ไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง
๙. กล้าลองเพื่อรู้ การกล้าที่จะลองทำในสิ่งที่ยากกว่าในระดับที่คิดว่าน่าจะทำได้ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง และเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความสามารถให้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เทคนิคการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
1. เข้าใจและยอมรับธรรมชาติของอารมณ์ บุคคลแต่ละคนมีความรู้สึกและอารมณ์พื้นฐานของตนเองเช่นดีใจ เสียใจฯและมีการแสดงออกที่แตกต่างกันแต่ละคนจะมีอารมณ์และ ความรู้สึกที่ผันแปรต่างกันยากที่จะนำความรู้สึกดี-ชั่วของตัวเราเองไปตัดสินได้ การตัดสินความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์เหตุผลวัยปัจจัยทางสังคม แลการกำหนดทางวัฒนธรรม
2. รับฟังทำความเข้าใจและให้เกียรติผู้อื่น การยอมรับและเข้าใจในภาวะที่ผู้อื่นแสดงออกเป็นสิ่งที่จำเป็นในการสร้างความภูมิใจ ตนเองการรักษาหน้าความมั่นใจไว้ใจซึ่งกันและกันซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพแลผลผลิตที่ที่บุคคลมีต่อองค์กร
3. การแก้ไขความขัดแย้ง ผู้มีความฉลาดทางอารมณ์สูงจะไม่ใช้วิธีการที่บั่นทอนความรู้สึกของผู้อื่น แต่ความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ได้ดีจะช่วยให้ความรู้สึกของทังสองฝ่ายสงบลงได้ ให้โอกาสแต่ละคนได้แสดงอารม์ความรู้สึกรับฟังด้วยความเข้าใจเห็นใจยอมรับภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้น จะส่งผลต่อการยอมรับตนเองการพัฒนาความคิดการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เพิ่มขวัญกำลังใจและร่วมมือกันปฏิบัติงาน
4. ในกรณีที่บุคคลแสดงภาวะอารมณ์ทางลบในระดับที่รุนแรง เช่นเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานควรหามาตราการสร้างภาวะแวดล้อม ที่มีการดูแลเอาใจใส่ร่วมมือกันฟังปัญหาเพื่อยอมรับและหาทางแก้ไขหรือย้ายไปทำงานคนเดียว หาพนักงานที่กล้าแสดงออกและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาเป็นเพื่อนคุยกระตุ้นให้เขา มีโอกาสแสดงความคิดเห็นที่คนยอมรับฟัง
ความฉลาดทางอารมณ์กับความรักและครอบครัว
ครอบครัวที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ต้องอาศัยความรัก ความเข้าใจและยอมรับได้ในข้อบกพร่องของผู้อื่น อีคิวหรือความฉลาดทางอารมณ์ จึงมีผลอย่างมากต่อความสงบสุขในบ้าน หรือในชีวิตคู่ ปัญหาความแตกแยก หย่าร้างที่เกิดขึ้นล้วนมีต้นตอมาจากการไม่พยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน หรือยอมรับข้อบกพร่องของอีกฝ่ายไม่ได้ เมื่อมีปัญหาก็ไม่หันหน้าคุยกันดี ๆ หรือบางทีก็ใช้ความรุนแรง
ความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา จึงไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้คนสองคนไปกันรอด ตรงกันข้าม ถ้าคนเก่งสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วไม่ยอมกันพยายามที่จะเอาชนะคะคานกัน อนาคตก็คงไม่พ้นการหย่าร้าง ด้วยเหตุนี้ คนเก่ง ๆ จำนวนไม่น้อย ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จึงล้มเหลวในชีวิตคู่
การเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตคู่ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว อุปสรรคและปัญหาแตกต่างกันไปในแต่ละคู่ การเรียนรู้ธรรมชาติและความต้องการของแต่ละฝ่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
การเรียนรู้จะทำให้เราเข้าใจตัวเองและคนที่เรารักได้ดียิ่งขึ้น
เพราะเมื่อคนเรามีความข้าใจ ความยอมรับได้ก็จะตามมา
การรู้ธรรมชาติของชายหญิง จะช่วยให้เราอ่านใจ อ่านอารมณ์ของอีกฝ่ายออก ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร และต้องการอะไร ทำให้เราสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง และถูกใจคนที่เรารัก
แน่นอนว่า ในการเรียนรู้เรื่องความรักและการอยู่ร่วมกัน "หัวใจ" เท่านั้นที่มีความสำคัญในเรื่องนี้
ความฉลาดทางเชาวน์ปัญญาจึงไม่ช่วยอะไรมากนักกับการประคองนาวารักของคนสองคน
ในทางจิตวิทยา กล่าวถึงอีคิวกับการสร้างความอบอุ่นในครอบครัวเอาไว้ว่า
๑. สนใจ และเข้าใจในความกังวลของคนในครอบครัว
๒. รับรู้และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนในครอบครับได้ดี
๓. รู้และเข้าใจศักยภาพ ส่งเสริมความรู้ความสามารถของสมาชิกในครอบครัวให้ถูกทาง
๔. ความจริงใจต่อกัน เป็นรากฐานของความผูกพันทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง
ที่มา :
1. คู่มือความฉลาดทางอารมณ์ ฉบับปรับปรุง กรมสุขภาพจิต
2. วิชาการ.com
3. www.act.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น