"นิ้วกลม" เขาเล่าถึงความโชคไม่ดีของตัวเองที่ต้องเสียของรักถึง ๓ ชิ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ได้แก่ ไอพ็อดที่เก็บเพลงและภาพถ่ายจากเซี่ยงไฮ้ เจ้าหูเงิน รถยนต์ประจำตัวที่เกิดอุบัติเหตุทำให้เสียหาย และโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ที่ถูกน้ำหกใส่
และบังเอิญ "นิ้วกลม" ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ ชื่อ "มองทุกอย่างจากทุกมุม" ที่เขียนโดย ณัฐ AF4 หรือ ณัฐ ศักดาทร ในบท "ราคาของความเสียดาย"
ณัฐ เขียนคำว่า ...
"Opportunity Cost" หรือ "ต้นทุนค่าเสียโอกาส"
ฟังดูคล้ายศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ แต่แท้จริงมันคือ ศัพท์ของวิชาชีวิต (นิ้วกลมเค้าว่าอย่างนั้น)
"นิ้วกลม" อธิบายต่อว่า คอนเซ็ปต์ของมันมีง่าย ๆ ว่า ถ้าเรามีทางเลือกสองทางที่ไม่สามารถทำได้พร้อมกัน สิ่งที่ไม่ได้ทำย่อมเป็น "ค่าเสียโอกาส"
สมมติว่า ช่องสามกำลังมีละครเจนี่ ช่องเจ็ดมีละครอั้ม ถ้าเราไม่ได้เอาทีวีสองเครื่องมาตั้งคู่กันเหมือน รปภ.ตามอาคารต่าง ๆ เราก็คงเลือกดูได้เพียงหนึ่งช่องในเวลานั้น ถ้าเลือกอั้ม เราก็ต้องพลาดเจนี่ และเจนี่ก็จะเป็น "ค่าเสียโอกาส" ของเราในสถานการณ์นั้น
สมมติว่า ช่องสามกำลังมีละครเจนี่ ช่องเจ็ดมีละครอั้ม ถ้าเราไม่ได้เอาทีวีสองเครื่องมาตั้งคู่กันเหมือน รปภ.ตามอาคารต่าง ๆ เราก็คงเลือกดูได้เพียงหนึ่งช่องในเวลานั้น ถ้าเลือกอั้ม เราก็ต้องพลาดเจนี่ และเจนี่ก็จะเป็น "ค่าเสียโอกาส" ของเราในสถานการณ์นั้น
ณัฐ บอกว่า ด้วยวิธีคิดนี้ เขาจึงไม่เคยเสียดายอะไรที่ได้ทำลงไปแล้ว หรือที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วในชีวิต
ถ้าชีวิตคนเราแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ ๆ คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต
เหมือนร้านสามร้าน
เราจะเลือกเดินเข้าไปใช้เวลาในร้านใดร้านหนึ่งได้แค่ร้านเดียวในหนึ่งช่วงเวลา
ถ้าเรามัวแต่นั่งเสียดายอยู่ในร้าน "อดีต" เราก็จะไม่มีเวลามาลงมือทำอะไรใหม่ ๆ ไม่มีเวลามานั่งฟังเพลง นั่งกินขนมเค้ก ไม่มีเวลามามีความสุขในร้าน "ปัจจุบัน" ได้เลย
เมื่อเราใช้เวลาเสียดายกับ "สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว" ต้นทุนค่าเสียโอกาสก็คือ "ห้วงเวลาในปัจจุบัน" ที่เราสามารถนำไปสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ โอกาสใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย
สู้เอาเวลาเสียดายสิ่งที่พลาดไปแล้วมาทำปัจจุบันให้ดีขึ้นยังจะดีกว่า
เพราะต่อให้เสียดายต่อไปอีกนานแค่ไหนก็แก้ไขอดีตไม่ได้อยู่ดี
"นิ้วกลม" เล่าต่ออีกว่า คงจะเสียดายกว่า ถ้ามัวแต่ใช้เวลามานั่งเสียดายในสิ่งที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
คนมองโลกในแง่ดี อาจมิใช่คนที่มองว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นดีงาม หรือมองเห็นความสวยในความซวยได้ในทุกสถานการณ์ แต่ผมว่า คนมองโลกในแง่ดีคือ คนที่มองเห็นวันพรุ่งนี้มากกว่าที่จะจมจ่ออยู่กับเมื่อวาน และเชื่อว่าเรายังสร้างสิ่งที่ดีกว่าให้เกิดขึ้นได้
"เสีย" กับ "สร้าง" เป็นของคู่กัน
และสิ่งแรกที่ต้องสร้างขึ้นมาก่อนคือ กำลังใจที่ดี
การใช้เวลากับความรู้สึกเสียดายนานเกินไปนั้นเป็นอะไรที่น่าเสียดาย
พอผมอ่านถึงตรงนี้แล้ว ก็คิดถึงเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นโดยตรงกับตัวเอง และยอมรับว่า ยังเสียดายสิ่งดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้นอยู่ เหมือนอยู่ในภวังค์ ไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ตัวเองยังความฝังใจกับอะไรบางอย่าง แบบสลัดทิ้งไม่ออก
อ่านจบ จึงค้นพบ ...
"ความสุขเกิดขึ้นเมื่อปล่อยวางอดีตและมองไปข้างหน้า"
จริงอย่างที่ "ณัฐ AF4" และ "นิ้วกลม" ว่าไว้จริง ๆ
นิ้วกลม (นามแฝง). ความสุขโดยสังเกต. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๔.
ขอบคุณบทความดี ๆ จาก http://www.gotoknow.org/blogs/posts/477609
ชอบมากๆเลยค่ะ ถ้าทำตามได้เนี่ย ความสุขเกิดขึ้นจริงๆ
ตอบลบ