การดำเนินชีวิตของคนในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยปัจจัยที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล อึดอัดคับข้องนานัปการ จึงอาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นของวัน เราจะต้องผจญกับปัญหาต่างๆ เช่น สภาพการจราจรที่ติดขัด การตกอยู่ท่ามกลางภาวะดิ้นรนแข่งขัน ปัญหาในที่ทำงาน สภาวะทางเศรษฐกิจและสังคม ที่มีความ แปรปรวน ขาดความมั่นคง ด้วยสภาพแวดล้อมและสภาพสังคมที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ ทำให้ผู้คนในปัจจุบันมักละเลยการดูแลเอาใจใส่ต่อสภาพจิตใจของตนเอง ทำให้จิตใจเราอ่อนแอ เกิดความเครียดได้ง่าย
ด้วยปัญหาแวดล้อมที่อยู่รอบตัว ส่งผลต่อจิตใจที่อ่อนแอ เปราะบาง แล้วยังกระทบถึงร่างกาย ดังคำกล่าวที่ว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" เช่น ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ อาทิ ความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะอาหาร ภูมิแพ้ หอบหืด ปวดศีรษะ ไมเกรน เป็นต้น ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุทำลายความสุขในชีวิตของเรา ดังนั้นเราจึงต้องดูแลสภาพจิตใจของเราให้เข้มแข็งและพร้อมที่จะเผชิญหน้าเพื่อให้ผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปได้การแสวงหาความสุขของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน หนีไม่พ้นการสร้างความสุขจากการที่ได้ครอบครองวัตถุ ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้ยิ่งต้องมุ่งมั่นหาเงินให้มาก เพื่อที่จะได้มีกำลังซื้อและสรรหาสิ่งต่าง ๆ มาสนอง ความต้องการของตน ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ชีวิตคนในปัจจุบันต้องวนเวียนอยู่ใน วัฎจักรของการแสวงหาที่ไม่มีวันสิ้นสุด ขณะเดียวกันก็ตกอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียด สับสนในชีวิตด้วยขาดความเข้าใจในวิธีการสร้างความสุขให้กับชีวิตได้อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เราจึงควรมีแนวทางการสร้างความสุขด้วยใจ เพื่อการพบความสุขที่แท้จริง...
รายงานวิจัยต่าง ๆ ได้สรุปไว้ว่า ผู้ที่มีความสุขมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าบุคคลอื่น ๆ ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจาก คนที่มีความสุขมักจะมองโลกในแง่ดี เข้าสังคมได้ง่าย เป็นที่ชื่นชอบ มีความตื่นตัวและมีพลัง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ ปัจจัยที่สำคัญที่นำทางให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ แล้วทำอย่างไรล่ะ ที่เราจะมีความสุขได้ โดย Joanna Brandi ได้เสนอ 8 วิธี ในการสร้างเสริมความสุข ได้แก่
1) การมองในแง่ดี (optimism) มีงานวิจัยกล่าวว่า คนที่มองในแง่ดีมีอายุยืนยาวกว่าคนที่มองในแง่ไม่ดี ถึง 10 ปี
2) การแสดงความขอบคุณ (gratitude) การแสดงความขอบคุณต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีรอบข้างและเป็นวัฒนธรรมที่ดีในสังคม
3) ให้อภัย (forgiveness) การสร้างความสงบสุข เป็นหนทางแห่งความสุข
4) พัฒนาตนเองทางการพูด (improve yourself- talk) การพูดในทางบวกช่วยลดความเครียดและทำให้สมองผ่อนคลาย มีความคิดสร้างสรรค์ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้
5) ปลดปล่อย (flow) ลืมสิงที่ไม่ดี ปล่อยให้มันผ่านไป การลืม เป็นวิธีหนึ่งที่ส่งเสริมความสุขที่ดี
6) มีความสุขหรือเพลิดเพลินกับสิ่งที่ทำ (savor) ความเพลิดเพลินกับสิ่งที่ทำ เราสามารถสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งก่อนที่เราจะลงมือทำ ขณะที่ทำ และคิดถึงมัน หลังจากงานได้ลุล่วงไปแล้ว
7) มองมุมใหม่ (reframe) การมองสิ่งเดิมในมุมใหม่ ๆ จะช่วยให้ความคิดทางลบเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกมากขึ้น
8) การสร้างความสุขจากสิ่งที่เราทำได้ดี (building on strength) ความสุขนั้นจะเป็นความสุขที่ยั่งยืนถ้าเป็นความสุขที่เราได้ทำสิ่งที่เราทำได้ดี หาโอกาสทำในสิ่งที่ตนเองทำได้ดีแล้วคุณจะไม่เบื่อและมีความสุข
เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนเกิดมาจะมีทั้งทุกข์และสุขคละเคล้ากันไปเป็นสีสันของชีวิต หากท่านไม่เคยทุกข์ ท่านก็จะไม่รู้ว่าความสุขดีกว่าความทุกข์อย่างไร และหากท่านไม่เคยมีความทุกข์ ท่านก็จะไม่รู้ว่าความสุขนั้นมีค่าเพียงใด เพราะคนเราหลีกเลี่ยงความทุกข์แล้วเลือกแต่ความสุขไม่ได้ เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความทุกข์และเรียนรู้ที่จะสร้างความสุข ให้แก่ชีวิต น่าจะเป็นการง่ายกว่าการพยายามหนีจากความทุกข์ ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังทุกข์ มีจิตใจที่เข้มแข็งและสร้างความสุขได้ในเร็ววัน...
ขอขอบคุณข้อมูลจาก lauriermybrand.com
ภาพประกอบจาก www.photos.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น