เขียนโดย..."เปาโล โคเอโย" และถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาไทยโดย..."อ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์"
นวนิยายเรื่องนี้...เป็นเรื่องราวการเดินทางของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นเพียง "เด็กเลี้ยงแกะ" หากเขาคิดจะยึดอาชีพนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้เขาดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างราบเรียบ-เป็นปกติสุขเช่นเดียวกับเด็กเลี้ยงแกะอีกหลายต่อหลายคน ทว่า...เมื่อวันนึงเขาเริ่มฝันถึงสมบัติที่อยู่ห่างไกลออกไป เด็กหนุ่มผู้มีหัวใจของการเป็น "นักแสวงหา" อย่างเต็มเปี่ยม ก็ตั้งใจมั่นที่จะออกค้นหาสมบัตินั้น แม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมบัติดังกล่าวจะมีอยู่จริงหรือไม่ คำทำนายของหมอดูจะเชื่อได้หรือไม่
รวมทั้งตลอดเส้นทางที่ (เขาเชื่อว่าจะ...) ไปสู่ขุมสมบัตินั้น เขาต้องแลกกับการสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป แต่เขากลับเห็นว่า สิ่งที่เขาสูญเสียไป (ในที่นี้คือฝูงแกะ-อาชีพเลี้ยงแกะ) นั้น เป็นสิ่งที่เขาสามารถกลับมาทำมันได้อีกทุกเมื่อ ส่วนสมบัติที่เขาจะไปค้นหา นั่นแหละคือสิ่งที่เขาไม่มี
และถ้าไม่ลองออกไปหาดู ก็จะไม่มีวันรู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่!
แล้วความฝันก็อาจจะยังคงเป็นความฝันอยู่วันยันค่ำ
ทันทีที่เริ่มก้าวเท้าออกเดินไปสู่เส้นทางที่ไม่คุ้นชิน อุปสรรคต่างๆ ก็ถาโถมกันเข้ามาทดสอบความตั้งใจ แต่เด็กหนุ่มก็พร้อมเผชิญ และพร้อมเสมอที่จะเอาต้นทุนที่เขามีอยู่เข้าแลกกับมัน
"ในการเดินทางสู่ชะตากรรม ทุกสิ่งในจักรวาลจะร่วมกันช่วยให้เราประสบความสำเร็จ" นี่คือประโยคทอง...ที่เปรียบเสมือนเข็มทิศในการเดินทางเพื่อบรรลุฝันของเขา ทุกครั้งที่เขาเจอปัญหา-อุปสรรคเขาจะนึกถึงมัน ในเรื่องมันเป็นประโยคที่ผ่านออกมาจากปากของตัวละครตัวหนึ่ง-"ราชาผู้ชรา" และตลอดการเดินทางคำพูดต่างๆ ของราชาผู้ชราจะติดตามเด็กหนุ่มไปทุกหนทุกแห่ง
ระหว่างการเดินทางนั้น เขามักจะได้พบเจอกับผู้คนที่หลากหลาย และหลายคนที่เขาเจอมักจะเป็นคนประเภทที่มีความเชื่อว่า "ทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว" ดังนั้น คนเหล่านั้นจึงไม่ค่อยยอมที่จะพบกับความเปลี่ยนแปลงใดๆ
นอกจากความมุ่งมั่นตั้งใจที่เป็นลักษณะเด่นของเด็กหนุ่มแล้ว ความช่างสังเกตและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รอบข้างก็เป็นลักษณะเด่นของเขา ซึ่งมันทำให้เขาสามารถเข้าถึง-เข้าใจโลกได้ดีกว่าชายคนหนึ่งที่แม้จะมีความมุ่งมั่นในการออกค้นหา "นักแปรธาตุ" แต่การที่เขามัวแต่ยึดทฤษฎี และเรียนรู้แต่เพียง "กระพี้" จึงไม่อาจเข้าถึง "แก่นแกน" ของสรรพสิ่งในโลกได้
"จงหัดอ่านลาง แล้วเดินตามวิถีแห่งลางนั้น" นี่เป็นอีกหนึ่งคำแนะนำของราชาผู้ชรา และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มยินดีที่จะเดินตามคำแนะนำนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะดูเหมือนนักเสี่ยงโชค แต่การตัดสินใจของเขามักจะมีเหตุผลเข้ามาประกอบ เห็นได้จากเขาใช้หิน 2 ก้อนที่ได้มา ซึ่งเรียกว่า "อูริม" กับ "ธุมมิน" (เป็นหินสำหรับเสี่ยงทายว่า "ใช่" กับ "ไม่ใช่") เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นเขาจะใช้วิธีอ่านลาง และตัดสินใจด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ นอกจากตัวเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นแล้ว ยังมีตัวละครที่น่าสรรเสริญ และถือได้ว่ามีส่วนสำคัญทำให้การค้นหาสมบัติของเด็กหนุ่มดำเนินไปได้ ก็คือ พ่อ-แม่ที่เคารพในการตัดสินใจของลูกที่ขอเลือกวิถีชีวิตด้วยการเป็นเด็กเลี้ยงแกะในเบื้องต้น โดยแทนที่จะทัดทาน เพราะครอบครัวก็มีอาชีพอยู่แล้ว พ่อของเด็กหนุ่มกลับให้การสนับสนุนด้วยการซื้อแกะให้ ขณะที่หญิงสาวคนรักที่เขาได้พบเจอระหว่างการเดินทางและเข้าไปพักที่ "โอเอซิส" นั้น หล่อนก็เป็นหญิงสาวแห่งยุคสมัยใหม่ที่ไม่คิดจะกีดกันหรือฉุดรั้งความฝันของเด็กหนุ่มเอาไว้ ในทางกลับกันหญิงสาวส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กหนุ่มเดินทางต่อไปเพื่อบรรลุสิ่งที่ตั้งใจ ไม่ได้มัวลุ่มหลงอยู่แค่ลาภ ยศ สรรเสริญที่อาจจะสิ้นไปได้ในสักวัน ซึ่งเด็กหนุ่มได้รับในขณะที่อยู่ในโอเอซิสนั้น
ที่เล่ามาออกจะยืดยาวไปหน่อย...และนี่เป็นเพียงแง่มุมที่มองเห็นจากการอ่าน "ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน" มันเป็นเพียง "ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน" ในทัศนะของผมเท่านั้น แต่มันจะเป็น "ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน" ของคนอื่นอย่างไร...ผมคงไม่อาจทราบได้...และใครก็คงไม่อาจทราบของคนอื่นๆ ได้
เพราะวิถีการค้นหา "ขุมทรัพย์" มันจะเป็นแบบ...ของใครของมัน!!! ลองอ่านดูนะครับ...
และถ้าไม่ลองออกไปหาดู ก็จะไม่มีวันรู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่!
แล้วความฝันก็อาจจะยังคงเป็นความฝันอยู่วันยันค่ำ
ทันทีที่เริ่มก้าวเท้าออกเดินไปสู่เส้นทางที่ไม่คุ้นชิน อุปสรรคต่างๆ ก็ถาโถมกันเข้ามาทดสอบความตั้งใจ แต่เด็กหนุ่มก็พร้อมเผชิญ และพร้อมเสมอที่จะเอาต้นทุนที่เขามีอยู่เข้าแลกกับมัน
"ในการเดินทางสู่ชะตากรรม ทุกสิ่งในจักรวาลจะร่วมกันช่วยให้เราประสบความสำเร็จ" นี่คือประโยคทอง...ที่เปรียบเสมือนเข็มทิศในการเดินทางเพื่อบรรลุฝันของเขา ทุกครั้งที่เขาเจอปัญหา-อุปสรรคเขาจะนึกถึงมัน ในเรื่องมันเป็นประโยคที่ผ่านออกมาจากปากของตัวละครตัวหนึ่ง-"ราชาผู้ชรา" และตลอดการเดินทางคำพูดต่างๆ ของราชาผู้ชราจะติดตามเด็กหนุ่มไปทุกหนทุกแห่ง
ระหว่างการเดินทางนั้น เขามักจะได้พบเจอกับผู้คนที่หลากหลาย และหลายคนที่เขาเจอมักจะเป็นคนประเภทที่มีความเชื่อว่า "ทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว" ดังนั้น คนเหล่านั้นจึงไม่ค่อยยอมที่จะพบกับความเปลี่ยนแปลงใดๆ
นอกจากความมุ่งมั่นตั้งใจที่เป็นลักษณะเด่นของเด็กหนุ่มแล้ว ความช่างสังเกตและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รอบข้างก็เป็นลักษณะเด่นของเขา ซึ่งมันทำให้เขาสามารถเข้าถึง-เข้าใจโลกได้ดีกว่าชายคนหนึ่งที่แม้จะมีความมุ่งมั่นในการออกค้นหา "นักแปรธาตุ" แต่การที่เขามัวแต่ยึดทฤษฎี และเรียนรู้แต่เพียง "กระพี้" จึงไม่อาจเข้าถึง "แก่นแกน" ของสรรพสิ่งในโลกได้
"จงหัดอ่านลาง แล้วเดินตามวิถีแห่งลางนั้น" นี่เป็นอีกหนึ่งคำแนะนำของราชาผู้ชรา และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มยินดีที่จะเดินตามคำแนะนำนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะดูเหมือนนักเสี่ยงโชค แต่การตัดสินใจของเขามักจะมีเหตุผลเข้ามาประกอบ เห็นได้จากเขาใช้หิน 2 ก้อนที่ได้มา ซึ่งเรียกว่า "อูริม" กับ "ธุมมิน" (เป็นหินสำหรับเสี่ยงทายว่า "ใช่" กับ "ไม่ใช่") เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นเขาจะใช้วิธีอ่านลาง และตัดสินใจด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ นอกจากตัวเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นแล้ว ยังมีตัวละครที่น่าสรรเสริญ และถือได้ว่ามีส่วนสำคัญทำให้การค้นหาสมบัติของเด็กหนุ่มดำเนินไปได้ ก็คือ พ่อ-แม่ที่เคารพในการตัดสินใจของลูกที่ขอเลือกวิถีชีวิตด้วยการเป็นเด็กเลี้ยงแกะในเบื้องต้น โดยแทนที่จะทัดทาน เพราะครอบครัวก็มีอาชีพอยู่แล้ว พ่อของเด็กหนุ่มกลับให้การสนับสนุนด้วยการซื้อแกะให้ ขณะที่หญิงสาวคนรักที่เขาได้พบเจอระหว่างการเดินทางและเข้าไปพักที่ "โอเอซิส" นั้น หล่อนก็เป็นหญิงสาวแห่งยุคสมัยใหม่ที่ไม่คิดจะกีดกันหรือฉุดรั้งความฝันของเด็กหนุ่มเอาไว้ ในทางกลับกันหญิงสาวส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กหนุ่มเดินทางต่อไปเพื่อบรรลุสิ่งที่ตั้งใจ ไม่ได้มัวลุ่มหลงอยู่แค่ลาภ ยศ สรรเสริญที่อาจจะสิ้นไปได้ในสักวัน ซึ่งเด็กหนุ่มได้รับในขณะที่อยู่ในโอเอซิสนั้น
ที่เล่ามาออกจะยืดยาวไปหน่อย...และนี่เป็นเพียงแง่มุมที่มองเห็นจากการอ่าน "ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน" มันเป็นเพียง "ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน" ในทัศนะของผมเท่านั้น แต่มันจะเป็น "ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน" ของคนอื่นอย่างไร...ผมคงไม่อาจทราบได้...และใครก็คงไม่อาจทราบของคนอื่นๆ ได้
เพราะวิถีการค้นหา "ขุมทรัพย์" มันจะเป็นแบบ...ของใครของมัน!!! ลองอ่านดูนะครับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น