การมองโลกในแง่ดีทำให้เรารู้จักมองหาแง่ดีหรือข้อโดดเด่นของคนที่เรากำลังโกรธ หรือเป็นต้นตอ ให้เราโกรธ ดังนั้นการดับความโกรธ ความโมโห โดยการให้ลองหลับตาแล้วนึกถึงคนที่เป็นต้นตอ แห่งความโกรธคนนั้นให้ดี แล้วถามตัวเองดูสิว่าเขามีดีอย่างไร เขาคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเรามาเท่าไหร่ หมั่นนึกถึงความดีงามของเขาเอาไว้ แล้วความโกรธจะค่อย ๆ เบาบางลงไปทีละน้อย ๆ เหมือนน้ำแข็งที่เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน แต่ถ้าเราหยิบน้ำแข็งก้อนนั้นออกมาจากตู้เย็นแล้วนำมาวางไว้ข้างนอก น้ำแข็งก้อนนั้นก็จะค่อย ๆ ละลายสลายตัวเองลงทีละน้อยจนในที่สุดก็ไม่เหลืออะไรเลย เราทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะยักย้ายถ่ายเทน้ำแข็งแห่งความโกรธออกมาบ้าง ในยามที่โกรธอย่าปล่อยให้น้ำแข็งแห่งความโกรธของเราเกาะตัวอยู่นาน เป็นอันขาด มิฉะนั้นแล้วมันอาจก่อให้เกิดอันตรายได้อย่างมากมาย
ดังนั้นเมื่อเรารู้จักตัวโกรธหรืออุปนิสัยความโกรธในตัวคุณเอง เราต้องรู้จักดับความโกรธรู้เท่าทันความโกรธของตนเองและรู้เท่าทันคนที่ทำให้ตนโกรธ เราต้องคิดเพียงว่า “เป็นความว่าง” และเห็นความโกรธเป็นแต่เพียง “อารมณ์แปลกปลอม” อันเป็นมายาชั่วขณะหนึ่งเหมือนพยับแดดเท่านั้นก็จะสามารถปล่อยวางทั้งความโกรธและคนที่ตนโกรธได้อย่างง่ายดาย ยินดีสละทิ้งความโกรธออกไปจากใจตนเหมือนคน บ้วนน้ำลายทิ้ง เมื่อความโกรธไม่มีฐานที่มั่นอีกต่อไป จิตใจก็เป็นอิสระ เบาบาง สดชื่น แจ่มใส และบรรลุถึง สติภาวะคือความสงบร่มเย็นเป็นสุข อยู่เป็นนิตยกาลเท่านั้นเอง
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ฆ่าความโกรธได้แล้วนอนหลับสบาย
ที่มา ท่าน ว.วชิรเมธี จาก ธรรมะหลับสบาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น