แสงเทียน สู่ แสงตะวัน
เคยไหม...ทำอะไรให้ใครบางคนอย่างตั้งใจและทุ่มเท
แต่สิ่งที่ได้คืนกลับมาคือ เราเป็นเพียงเทียนเล่มเล็ก ๆ
ที่ไม่เคยอยู่ในสายตา
พอส่องทางให้เขาไปพบเจอแสงตะวันแล้วก็ละลายหายไป
ไม่มีค่า
ไม่มีใครเห็นความดี
และถูกมองข้ามอยู่เสมอ
สิ่งนั้นอาจทำให้เราเหนื่อยใจ หรือ ท้อแท้
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เปลี่ยนแนวคิด วิธีคิด
หรือแนวทางการปฎิบัติตัว
โดยเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ
ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาเป็นอารมณ์ว่า
ถ้าเขาไม่เห็นความดีของเรา หรือ ทำความดีแล้วไม่ได้รับสิ่งดี ๆ
แล้วต่อไปเราก็จะไม่ทำดีอีก
ชีวิตไม่ได้สอนเรามาแบบนั้น
ชีวิตสอนให้เรารู้จักการเป็นคนดี
โดยเริ่มต้นจากการทำความดีที่ไม่มีใครมองเห็นให้ได้ก่อน
แม้ว่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดูยากพอสมควร
แต่อยากให้คิดว่า มันก็เหมือนกับการเรียนรู้ในเรื่องที่เรา
ไม่มีความรู้มาก่อน
เริ่มต้นเรียนบทแรกอาจจะดูยากสักหน่อย
แต่ต่อไปทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
ถ้าเราเริ่มรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นใครสักคนมีความสุข
หรือประสบความสำเร็จได้
โดยมีเราเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จนั้น
นั่นแหละที่ถือว่าเราได้ผ่านบทที่ยากที่สุดไปแล้ว
แสงเทียนเล็ก ๆ ในคืนที่มืดมนนั้นจึงสำคัญมาก
เวลาที่ใครสักคนตกอยู่ในความมืดมิด
ด้วยบทเรียนที่ยากบทนั้นจะทำให้เรายิ้มได้และพอใจ
กับการเป็นแสงเทียนส่องชีวิตให้ใครสักคน
ได้เดินทางไปเพื่อพบเจอแสงสว่างจากดวงตะวัน
แม้เมื่อเวลาผ่านไป
เทียนจะมอดดับ และถูกหลงลืมไปในที่สุดก็ตาม
กุญแจสำรองของชีวิต
การทำความดีไม่จำเป็นต้องมีใครเห็นหากแสงเทียนน้อย ๆ เล่มนั้น คือ คุณครูตัวเล็ก ๆ ที่ขัดเกลาลูกศิษย์ให้เติบโตทีละน้อย ๆ เมื่อลูกศิษย์เติบโตออกไปเป็นคนดีของสังคม แสงเทียนน้อย ๆ เล่มนั้นก็คงภาคภูมิใจน่าดู โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใด ๆหากแสงเทียนน้อย ๆ คือ การทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ถึงแม้จะเป็นความดีเล็ก ๆ ก็ควรค่าแก่ความภูมิใจที่ได้ทำลงไปด้วยหัวใจที่เบิกบาน
สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่าอยู่แล้วคือ
ความสุขที่เกิดขึ้นในใจของเราเอง
ขอขอบคุณ http://www.gotoknow.org/blog/scented-book/433187
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น