วัน ที่ 30 สิงหาคมที่เพิ่งผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 81 ปี ของ วอร์เร็น บัฟเฟ็ตต์ ถึงอายุจะมาก แต่มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก ซึ่งมีเงิน 1 ล้าน 5 แสนล้านบาท บัฟเฟ็ตต์ก็ยังตื่นแต่เช้า แต่งตัวไปทำงานทุกวัน
บัฟเฟ็ตต์ คิดว่าตัวเองน่าจะอายุยืนอย่างน้อย 88 ปี และตั้งใจว่าถ้าเป็นไปได้จะทำงานจนอายุเกิน 100 ปี
บัฟ เฟ็ตต์ ดูกระฉับกระเฉง พูดจาฉับไวไม่เหมือนคนอายุ 80 เวลาให้สัมภาษณ์มักมีอารมณ์ขันสอดแทรกอยู่เสมอ ไม่ได้เคร่งขรึมตึงเครียดแบบมหาเศรษฐีนักธุรกิจส่วนใหญ่
คนมักจะถาม บัฟเฟ็ตต์เป็นประจำว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จและร่ำรวย ซึ่งบัฟเฟ็ตต์ก็ตอบเหมือนเดิมว่าให้ทำในสิ่งที่ตนรักแล้วความสำเร็จก็จะตาม มาซึ่งก็รวมถึงเงินทองด้วย
เคล็ดลับในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขของบัฟเฟ็ตต์นั้นเรียบง่าย แต่ให้ข้อคิดที่ลึกซึ้ง ซึ่งมีหลักๆ อยู่ 7 ข้อ
1. ทำในสิ่งที่ตนเองรัก บัฟเฟ็ตต์บอกว่าในชีวิต เขาไม่เคยต้องเลือกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องชีวิตส่วนตัว เขามีความสุขกับการทำงานมาก ทุกวันตื่นเต้นที่ได้ไปทำงาน เรียกได้ว่าแทบจะเต้นแท็บแดนซ์เข้าออฟฟิศเลยทีเดียว และเดินเข้าออฟฟิศอย่างมีความสุขเป็นที่สุด ซึ่งการทำในสิ่งที่ตนรัก และรักในสิ่งที่ตนทำ ผลงานก็จะออกมาดีโดยธรรมชาติ
2. หาความสุขจากความเรียบง่าย บัฟเฟ็ตต์บอกว่าความสุขอย่างเรียบง่ายของเขาคือการเล่นไพ่บริดจ์ออนไลน์ สัปดาห์ละ 12 ชั่วโมง ความสุขอยู่ที่ใจเป็นสิ่งที่หาได้จากสิ่งใกล้ตัว การได้พักผ่อนอยู่กับบ้านนั่งอ่านหนังสือหรือปลูกต้นไม้ก็ถือเป็นความสุข แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเงินฟุ่มเฟือยทานอาหารนอกบ้าน หรือท่องเที่ยวต่างประเทศ
3. คิดและทำในสิ่งที่ไม่ซับซ้อน บัฟเฟ็ตต์บอกว่าไม่ว่าจะทำงานอะไร เขาต้องอธิบายสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดได้ ดังนั้น จึงเลือกทำแต่เฉพาะสิ่งที่ตัวเองเข้าใจทะลุปรุโปร่งเพราะความเสี่ยงหรือความ เสียหายเกิดจากการทำในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้
4. ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย บัฟเฟ็ตต์กล่าวว่าในชีวิตส่วนตัวของเขาเขาไม่เคยสนใจว่าคนรวยคนอื่นๆ ทำอะไร ตัวเขาไม่ต้องการมีเรือยอชต์ขนาด 405 ฟุต เพียงเพราะว่าเศรษฐีคนอื่นมีเรือยอชต์ยาว 400 ฟุต
ทุกวันนี้ บัฟเฟ็ตต์ยังคงอยู่ในบ้านหลังเดิมขนาด 550 ตารางเมตร ซึ่งซื้อเมื่อ 43 ปีก่อน ที่เมืองโอมาฮ่า รัฐเนบราสก้า ในราคา 1.3 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท บัฟเฟ็ตต์บอกว่าคนเป็นหนี้บัตรเครดิต แสดงว่าคนคนนั้นใช้ชีวิตเกินฐานะของตัวเอง
5. มีต้นแบบที่ดี ยึดถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต บัฟเฟ็ตต์เคยกล่าวไว้ว่า บอกมาเลยว่าใครคือฮีโร่ในดวงใจของคุณ ผมสามารถทำนายได้เลยว่าในอนาคตคุณจะเป็นอย่างไร เพราะคุณสมบัติของคนที่เราชื่นชมจะเป็นเครื่องนำทางไปสู่คุณสมบัติที่ตัวเรา จะมี ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนเข้าช่วยนิดหน่อยจนพัฒนาเป็นนิสัย
6. เลือกทำในสิ่งที่รัก ไม่ใช่เลือกทำเพราะเงินหรือผลตอบแทน บัฟเฟ็ตต์กล่าวว่า หากเราทำในสิ่งที่เรารัก เราจะทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจที่มีอย่างเต็มที่ ซึ่งผลที่ได้รับก็มักเป็นผลตอบแทนทางการเงิน
ตอนที่บัฟเฟ็ตต์เรียนจบ ปริญญาโท เขาไปทำงานกับ เบ็นจามิน แกรห์ม ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทด้านการลงทุน Graham-Newman Partnership ทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบว่าจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ รู้แต่ว่าอยากทำงานกับเบ็น จามิน แกรห์ม เพราะพอได้ทำงานกับคนที่อยากทำ ตื่นเช้าขึ้นมาก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำงาน เพราะรู้ว่าเมื่อกลับถึงบ้านตอนเย็นหลังเลิกงาน ตัวเองจะฉลาดขึ้นกว่าเมื่อเช้าตอนก่อนออกจากบ้าน
7. แต่งงานกับคนที่ใช่ บัฟเฟ็ตต์บอกว่าถ้าเจอะคนที่เรารักและมั่นใจว่า "คนนี้ใช่เลย" ขอให้แต่งงานโดยไม่ต้องรีรอ
เขาบอกว่าการมีชีวิตคู่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ในชีวิต เช่น ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ทำให้รู้ว่าตัวเองควรทำงานด้านไหน และ ฯลฯ
การ ทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยหรือเพลย์บอยทำให้ศักยภาพในการทำงานลดลง เนื่องจากเอาเวลาทำงานไปหมกมุ่นเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่งงานซะทุกอย่างก็จบ
บัฟเฟ็ตต์ คิดว่าตัวเองน่าจะอายุยืนอย่างน้อย 88 ปี และตั้งใจว่าถ้าเป็นไปได้จะทำงานจนอายุเกิน 100 ปี
บัฟ เฟ็ตต์ ดูกระฉับกระเฉง พูดจาฉับไวไม่เหมือนคนอายุ 80 เวลาให้สัมภาษณ์มักมีอารมณ์ขันสอดแทรกอยู่เสมอ ไม่ได้เคร่งขรึมตึงเครียดแบบมหาเศรษฐีนักธุรกิจส่วนใหญ่
คนมักจะถาม บัฟเฟ็ตต์เป็นประจำว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จและร่ำรวย ซึ่งบัฟเฟ็ตต์ก็ตอบเหมือนเดิมว่าให้ทำในสิ่งที่ตนรักแล้วความสำเร็จก็จะตาม มาซึ่งก็รวมถึงเงินทองด้วย
เคล็ดลับในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขของบัฟเฟ็ตต์นั้นเรียบง่าย แต่ให้ข้อคิดที่ลึกซึ้ง ซึ่งมีหลักๆ อยู่ 7 ข้อ
1. ทำในสิ่งที่ตนเองรัก บัฟเฟ็ตต์บอกว่าในชีวิต เขาไม่เคยต้องเลือกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องชีวิตส่วนตัว เขามีความสุขกับการทำงานมาก ทุกวันตื่นเต้นที่ได้ไปทำงาน เรียกได้ว่าแทบจะเต้นแท็บแดนซ์เข้าออฟฟิศเลยทีเดียว และเดินเข้าออฟฟิศอย่างมีความสุขเป็นที่สุด ซึ่งการทำในสิ่งที่ตนรัก และรักในสิ่งที่ตนทำ ผลงานก็จะออกมาดีโดยธรรมชาติ
2. หาความสุขจากความเรียบง่าย บัฟเฟ็ตต์บอกว่าความสุขอย่างเรียบง่ายของเขาคือการเล่นไพ่บริดจ์ออนไลน์ สัปดาห์ละ 12 ชั่วโมง ความสุขอยู่ที่ใจเป็นสิ่งที่หาได้จากสิ่งใกล้ตัว การได้พักผ่อนอยู่กับบ้านนั่งอ่านหนังสือหรือปลูกต้นไม้ก็ถือเป็นความสุข แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเงินฟุ่มเฟือยทานอาหารนอกบ้าน หรือท่องเที่ยวต่างประเทศ
3. คิดและทำในสิ่งที่ไม่ซับซ้อน บัฟเฟ็ตต์บอกว่าไม่ว่าจะทำงานอะไร เขาต้องอธิบายสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดได้ ดังนั้น จึงเลือกทำแต่เฉพาะสิ่งที่ตัวเองเข้าใจทะลุปรุโปร่งเพราะความเสี่ยงหรือความ เสียหายเกิดจากการทำในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้
4. ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย บัฟเฟ็ตต์กล่าวว่าในชีวิตส่วนตัวของเขาเขาไม่เคยสนใจว่าคนรวยคนอื่นๆ ทำอะไร ตัวเขาไม่ต้องการมีเรือยอชต์ขนาด 405 ฟุต เพียงเพราะว่าเศรษฐีคนอื่นมีเรือยอชต์ยาว 400 ฟุต
ทุกวันนี้ บัฟเฟ็ตต์ยังคงอยู่ในบ้านหลังเดิมขนาด 550 ตารางเมตร ซึ่งซื้อเมื่อ 43 ปีก่อน ที่เมืองโอมาฮ่า รัฐเนบราสก้า ในราคา 1.3 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท บัฟเฟ็ตต์บอกว่าคนเป็นหนี้บัตรเครดิต แสดงว่าคนคนนั้นใช้ชีวิตเกินฐานะของตัวเอง
5. มีต้นแบบที่ดี ยึดถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต บัฟเฟ็ตต์เคยกล่าวไว้ว่า บอกมาเลยว่าใครคือฮีโร่ในดวงใจของคุณ ผมสามารถทำนายได้เลยว่าในอนาคตคุณจะเป็นอย่างไร เพราะคุณสมบัติของคนที่เราชื่นชมจะเป็นเครื่องนำทางไปสู่คุณสมบัติที่ตัวเรา จะมี ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนเข้าช่วยนิดหน่อยจนพัฒนาเป็นนิสัย
6. เลือกทำในสิ่งที่รัก ไม่ใช่เลือกทำเพราะเงินหรือผลตอบแทน บัฟเฟ็ตต์กล่าวว่า หากเราทำในสิ่งที่เรารัก เราจะทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจที่มีอย่างเต็มที่ ซึ่งผลที่ได้รับก็มักเป็นผลตอบแทนทางการเงิน
ตอนที่บัฟเฟ็ตต์เรียนจบ ปริญญาโท เขาไปทำงานกับ เบ็นจามิน แกรห์ม ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทด้านการลงทุน Graham-Newman Partnership ทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบว่าจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ รู้แต่ว่าอยากทำงานกับเบ็น จามิน แกรห์ม เพราะพอได้ทำงานกับคนที่อยากทำ ตื่นเช้าขึ้นมาก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำงาน เพราะรู้ว่าเมื่อกลับถึงบ้านตอนเย็นหลังเลิกงาน ตัวเองจะฉลาดขึ้นกว่าเมื่อเช้าตอนก่อนออกจากบ้าน
7. แต่งงานกับคนที่ใช่ บัฟเฟ็ตต์บอกว่าถ้าเจอะคนที่เรารักและมั่นใจว่า "คนนี้ใช่เลย" ขอให้แต่งงานโดยไม่ต้องรีรอ
เขาบอกว่าการมีชีวิตคู่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ในชีวิต เช่น ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ทำให้รู้ว่าตัวเองควรทำงานด้านไหน และ ฯลฯ
การ ทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยหรือเพลย์บอยทำให้ศักยภาพในการทำงานลดลง เนื่องจากเอาเวลาทำงานไปหมกมุ่นเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่งงานซะทุกอย่างก็จบ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1315390607&grpid=&catid=50&subcatid=5000
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น