คำคม
วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554
องศาที่ 361
* ชีวิตของเราแต่ละคน ที่มีจุดเริ่มตันไม่เหมือนกัน และเมื่อโตขึ้นมาก็ต้องเจอทางแยกที่ต้องตัดสินใจไม่เว้นแต่ละวันว่าจะเดินไปบนถนนเส้นใด
* เราถนัดมองหาความสุขจากที่อื่น และถนัดที่มองเห็นแต่ความทุกข์จากสิ่งที่เรามี
* ...จากเดิมเคยหกล้มสิบครั้ง วันนี้หกล้มเก้าครั้ง สิ่งที่ควรทำคือ ชื่นชมที่หกล้มน้อยลง ไม่ใช่ตำหนิที่ยังหกล้มอยู่ จากเคยทำผิดสิบครั้ง วันนี้ทำผิดเจ็ดครั้ง สิ่งที่ควรทำคือ ให้กำลังใจที่ทำผิดน้อยลง ไม่ใช่ตำหนิที่ยังทำผิดอยู่
* มนุษย์เราจะรู้จักว่าตัวเองมีคุณค่าก็ต่อเมื่อเขาเคยสามารถสัมผัสได้ถึง ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง คนเราจะรู้สึก ความรักก็ต่อเมื่อได้สัมผัสความรักที่แท้จริง
* ขอเพียงมีโอกาส มนุษย์เราก็อยากเลือกเป็นคนดี เนื้อแท้ของมนุษย์ทุกคนไม่ได้อยากจะทำชั่วร้ายใคร แต่การเติบโตที่ไร้เข็มทิศ ขาดโอกาสที่จะได้ซึมซับสิ่งดีๆ ทำให้หลายๆ คนเริ่มต้นชีวิตด้วยวิธีการที่ผิด ต้องทำผิดช้ำๆ เพื่อเอาตัวรอดจนกลายเป็นความเคยชิน
* ....หลายต่อหลายคนจึงแสวงหาการยอมรับในวิถีทางผิดๆ พาตัวเองเข้าสู่กับดักของชีวิต เพียงเพราะต้องการการยอมรับ อยากจะเป็นเหมือนคนอื่น อยากจะมีเหมือนคนอื่น อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในสังคม
* คุณค่าในตัวเราไม่ได้ลดลงเลย แต่เราเองเป็นคนยื่นมือมองคุณค่าในตัวเองให้คนอื่นเป็นคนประเมิน
* ...เราทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม เราทุกคนมีข้อบกพร่องและมีจุดที่ยังจะต้องพัฒนา เพียงแต่ถ้าเราคอยบั่นทอนตัวเองด้วยการตำหนิตัวเองตลอดเวลา มองตัวเองเห็นแต่แง่ลบ เหมือนเอาแว่นขยายส่องแต่ข้อเสียที่เรามี ไม่เคยให้กำลังใจ ไม่เคยชื่นชมเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต หรือเผลอไผลคอยแต่รอให้คนอื่นบอกว่าตัวเราดีหรือไม่ดี...เราก็สูญเสียโอกาสที่จะค้นพบความงดงามภายในตัวเอง
* คนบางคนมองว่า "โชคดี" ที่ได้เจอนั้นเป็นมากกว่าโชค มากกว่าความบังเอิญ แต่โชคที่ได้รับเป็นเหมือนสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง เป็นหลักฐานว่าใครบางคนเบื้องบนเฝ้ามองอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็จะมีผู้มาช่วยเหลือ นั่นทำให้คนกลุ่มนี้เมื่อเผชิญปัญหาเขาอาศัยอยู่ได้ด้วย "ความหวัง"
* บางสิ่งที่ดำรงอยู่อาจไม่สามารถใช้มาตรวัดทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวพิสูจน์ว่ามีหรือไม่มี ความสำคัญของการศรัทธาไม่ได้อยู่ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่ ความสำคัญของการได้รักไม่ได้อยู่ที่ว่าได้อยู่ชิดใกล้หรืออยู่ห่างไกลกัน คุณค่าของความศรัทธาหรือความรักไม่ได้อยู่ที่การมีหรือไม่มีหลักฐาน แต่มาจากประสบการณ์ภายในที่เราได้สัมผัสและเก็บไว้ในใจ
* การไม่มีตัวตน ไม่ได้แปลว่ามันไม่คงอยู่
* มนุษย์เรานั้นหากปล่อยให้เมล็ดพันธุ์ ความเชื่อผิดๆ ถูกปลูกไว้ในใจ เมื่อเติบโตหยั่งรากลึกในใจเราจนกลืนความคิด มันย้อนส่งผลให้เราไม่ได้แปลความจริงตามสิ่งที่เป็นอยู่ แต่เราแปลความอย่างที่ใจคิด
* ขอเพียงมนุษย์ปลูกเมล็ดพันธุ์ของความดีงาม ถึงจะเติบโตพร้อมกับรูปแบบความศรัทธาที่แตกต่าง สุดท้ายคือย่อมแตกดอกออกผลเป็นความดีงามให้เชยชม
* ไม่ว่าจะหนึ่งเปอร์เซ็นต์หรือเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ มันก็คือความหวังและมันก็ยังมีสิทธิเป็นไปได้ สำคัญที่ว่าเจ้าตัวนั้น ตั้งต้นที่ความเชื่อมั่น หรือเชื่อว่ามันเป็นเพียงความฝันที่เป็นไปไม่ได้
* คนที่มีเป้าหมายและตั้งต้นด้วยความเชื่อมั่นว่า ความฝันของตัวเองเป็นไปได้ ถึงสุดท้ายจะไปไม่ถึงฝั่ง แต่ความฝันก็ทำให้การมีชีวิตของพวกเขาอยู่อย่างมีคุณค่า เช่นหลายคนที่ค้นพบว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไม่ใช่การได้ไปถึงความฝัน แต่คือช่วงเวลาที่ได้เดินทางตามความฝันของตัวเอง
* ตั้งเป้าหมายแล้วมุ่งไปถึงดวงจันทร์ แม้สุดท้ายจะไปไม่ถึง แต่อย่างน้อย ณ จุดนั้นเราก็ได้อยู่ท่ามกลางดวงดาว
* ...ไม่มีหรอกความฝันที่เป็นไปไม่ได้ มีแต่ความฝันที่นั่งรอคอยว่าเจ้าของความฝันจะกล้าเดินทางมาหาอยู่หรือเปล่า
* ความจนไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะขโมยของใคร
* ...ชีวิตที่คิดว่าสู้เต็มที่ จนอยากยกธงยอมแพ้ ชีวิตที่คิดว่าไม่มีอะไรหลงเหลืออีกแล้ว อยู่ไปก็ไร้ค่า แน่ใจแล้วหรือว่าเราสู้เต็มที่แล้ว แน่ใจแล้วหรือว่า ความยากจนคือชีวิตที่ไร้คุณค่า
* ...เงินก้อนหนึ่งอาจช่วยเราได้แค่ครั้งเดียว แต่ความรักและศรัทธาที่คนใกล้ตัวมอบให้ จะเป็นน้ำทิพย์ที่หล่อเลี้ยงหัวใจให้ต่อสู้ได้ชั่วชีวิต
* ไม่ใช่เขาที่ไม่ได้ เพียงแต่ยังไม่มีใครเหมาะสมสำหรับเขาเท่านั้นเอง
* คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่การถูกเลือกหรือไม่ถูกเลือก
* คนที่ตัดสินใจเลือกก้าวไปข้างหน้า ย่อมสามารถสร้างปัจจุบันและอนาคตได้ดั่งต้องการ
* ความสำเร็จให้เราได้แค่คำชมเชย ในขณะที่ความล้มเหลวนั้นกลับไปให้อะไรดีๆ แก่เรามากกว่านั้น
* ความล้มเหลวช่วยให้เราเรียนรู้ข้อบกพร่อง ความผิดหวังทำให้เราแข็งแกร่งและเติบโต ทุกหนึ่งแผลที่เราล้มเราจะเรียนรู้ว่า เราจะเดินอย่างไรไม่ให้ล้มอีก ทุกหนึ่งหยดน้ำตาที่เราร้องไห้ เราจะเติบโตขึ้นและรู้ว่าเราจะใช้ชีวิตเช่นไรที่ไม่ต้องปาดน้ำตาอีก
* ความล้มเหลวหรือความผิดหวังคือสัญลักษณ์ของคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตนิ่งเฉย แต่เป็นคนที่กล้าต่อสู้กับปัญหา
* ไม่สำคัญว่าเราปล่อยหมัดใส่คู่ต่อสู้ได้หนักแค่ไหน แต่สำคัญที่ว่าเรารับมือกับหมัดหนักๆ ของคู่ต่อสู้ได้มากเพียงใด ไม่สำคัญว่าเราจะชนะหรือประสบความสำเร็จได้มากเพียงใด แต่สำคัญที่ว่าเมื่อเราประสบปัญหา เราสามารถยืนหยัดรับมือกับมันได้มากเพียงใด เราจะลุกขึ้นสู้หลังจากล้มลงได้บ่อยแค่ไหน
* เวทีชีวิตไม่ได้มีจำนวนยกเหมือนเวทีมวย เรามีโอกาสลุกขึ้นสู้ได้ทุกครั้งตราบที่ยังมีลมหายใจ และตราบที่ใจยังไม่ยอมแพ้
* ...เราทุกคนล้วนมีน้ำที่ไม่เต็มแก้ว ขึ้นอยู่กับว่าเรามองน้ำในแก้วตัวเองอย่างไร ระหว่างครึ่งแก้วที่ว่างเปล่ากับครึ่งแก้วที่มีน้ำอยู่
* เราถนัดมองหาความสุขจากที่อื่น และถนัดที่จะมองเห็นแต่ความทุกข์จากสิ่งที่เรามี
* ทุกครั้งที่เราเปิดหน้าต่าง เพียงลืมตาเราอาจแค่เห็น แต่วันใดที่เราเปิดใจ เราจะเห็นมากกว่าที่ตามอง
* สังคมที่ทดสอบบทต่างๆ ถูกส่งมาท้าทายให้เราต้องเลือกเดินและเลือกตัดสินใจ การตัดสินใจที่บางครั้งเราต้องเลือกว่าเราจะเห็นแก่ตัวเองมากแค่ไหนหรือเราจะแคร์คนอื่นมากเพียงใด เราสามารถที่จะทำลายความฝันของเพื่อนเพื่อเอาตัวรอดหรือไม่ เราพร้อมหรือไม่ที่จะเหยียบย่ำความฝันของคนอื่นเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันของตัวเอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น