ตัวของเราเอง จะเป็นอย่างไร จะร้ายหรือดี มันก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง
เพราะฉะนั้น หากเราทำอะไร สิ่งที่เราทำนั้นมันก็เป็นเหมือนกระจกสะท้อนตัวเราเอง
เลือกเส้นทางเดินของเราเอง เลือกวิถีชีวิตของเราเอง และเลือกที่จะเป็นในแบบฉบับของตัวเอง
๑.ทำอะไรลวก ๆ ก็จะได้ผลลัพธ์แบบนั้น
ทำอะไรด้วยความตั้งใจ ผลที่ได้ก็จะน่าภูมิใจ เราทำอะไรอย่างไร มันก็เป็นกระจกสะท้อน ตัวของเราเอง
๒.อ่านหนังสือ การอ่านหนังสือนั้นไม่ได้ทำให้เราสูญเสียอะไร
อ่านหนังสือ นิตยสาร ข่าวหนังสือพิมพ์ มันจะช่วยให้เราได้เรียนรู้มากยิ่งขึ้น
๓.อยู่ใกล้ ๆ คนที่ขยัน คนที่กระตือรือร้น คนที่ทำงานอยู่เสมอ
คนที่สม่ำเสมอ เราจะซึมซับเขามาโดยไม่รู้ตัว
มีอีกมุมคิดหนึ่ง คือ ... อยู่ใกล้ใครเราจะเป็นคนอย่างนั้น
แต่บางทีเราอาจจะต้องทำตัวเป็นคนที่น่าเข้าใกล้
เพื่อคนรอบตัวจะได้อยากอยู่ใกล้ ๆ เรา
๔.หางานอดิเรกทำ ทำในสิ่งที่ชอบ บางทีงานอดิเรกอาจจะทำให้เราไม่ต้องทำงานประจำเลยก็ได้งานอดิเรกก็คือ งานที่เราชอบ งานที่เรารัก งานที่เรามีความสุข
เราอยากจะทำอะไรก็ทำได้ แค่เพียงให้โอกาสตัวเอง
๕.เขียนไดอารี่ส่วนตัว มันจะทำให้เราได้คุยกับตัวเอง ทำให้เรามีเวลาตรวจสอบตัวเอง ตรวจสอบความฝันและเป้าหมายตัวเอง ไดอารี่จะเหมือนเพื่อนสนิทที่เราได้ถ่ายทอดความคิด ช่วงเวลาที่เรามีความสุข ช่วงเวลาที่เราเศร้า บางครั้งเราก็แก้เหงาได้ด้วยการนั่งคุยกับตัวเอง นั่งเขียนสมุดบันทึก บางวันเราก็อาจจะระบายเรื่องอึดอัดไม่สบายใจลงไปในสมุดบันทึก มันทำให้เราเห็นว่าเราเป็นใคร เรากำลังทำอะไรอยู่ เป็นได้แม้กระทั่งเพื่อนคุย หรือที่ระบาย
๖.อย่ากลัวถ้าจะต้องล้มเหลว อย่าอายถ้าบางทีเราพ่ายแพ้บ้าง เราไม่จำเป็นต้องชนะตลอด ไม่จำเป็นต้องเก๋ ต้องเด่นกว่าคนอื่นตลอดเวลา คนที่ไม่กลัวล้มเหลวจะเป็นคนสง่า เพราะหลังจากที่เขามีความพร้อมและเข้าใจสิ่งที่จะทำอย่างดีแล้ว เขาก็จะทำ คิด พูด สร้างสรรค์อย่างมั่นใจ คนที่มีความมั่นใจ จะมีความสง่างาม และมีเสน่ห์ในตัวเอง
๗.อย่าผิดนัด เป็นคนตรงต่อเวลา
เพียงเรื่องง่าย ๆ ก็จะทำให้เราเป็นคนที่โดดเด่นกว่าคนอื่น
ถ้าเราจะต้องสร้างวินัยและให้ความเคารพคนรอบข้างด้วย
เรื่องง่าย ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ มักเป็นเรื่องใหญ่ที่งดงามเสมอ
๘.ใช้ภาษาร่างกาย มีท่วงที กิริยาที่ดี
อย่ามองว่า มันเป็นเรื่องเล็กน้อยแล้วจึงไม่อยากทำ ไม่ลงมือทำ ไม่เริ่มต้นทำ
เพราะการใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย
มันจะส่งผลกระทบด้านดีให้กับตัวเราเอง
๙.มีความรักและมีไฟในสิ่งที่ทำอยู่
เมื่อใดก็ตามที่เรารักในสิ่งที่เราทำ
เราจะทำได้ดีและไม่รู้สึกเหนื่อย
มีไฟคือความอยากและกระตือรือร้นที่จะทำ
และทุ่มเทอย่างเต็มที่
๑๐.เพิ่มค่าให้กับงานที่ทำ ทำงานให้ได้ผลดีมากขึ้นในจำนวนเวลาเท่าเดิม
มีสมาธิ ตั้งใจ แน่วแน่ เสียเวลาให้น้อยลง ทำงานได้มากขึ้นและดีขึ้น
๑๑.ท้าทายสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
อย่ากลัวที่จะต้องเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ อย่ากังวลถ้ามีความคิดดี ๆ
ยกมือขึ้น...แสดงความคิดของเราออกไป
คนที่ไม่เคยทำผิด...คือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย
๑๒.สร้างคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
สูดอากาศบริสุทธิ์ อยู่ห่างจอทีวีบ้าง อ่านหนังสือ แหงนมองฟ้า
หาเวลาดูดาวในตอนกลางคืน ฟังเพลง ร้องเพลง เต้นระบำ
๑๓.กินอาหารที่มีคุณภาพต่อร่างกาย
งด...หรือถ้างดไม่ได้จงลด
เจ้าพวกเครื่องดื่มที่ทำให้แก่เร็ว แก่ง่าย
และคุมสติตัวเองไม่ได้ทั้งหลาย
ดื่มแต่พอสนุก...เมื่อไรที่เริ่มไม่รู้สึกสนุกแล้วก็จง หยุด
๑๔.ใช้ชีวิตอยู่เพื่อวันนี้
แต่ก็อย่าลืม มองไปข้างหน้าด้วย ประเด็นก็คืออย่าไปพะวงถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึง อย่าไปกังวล
ถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องที่เป็นไปได้ คือเรื่องที่เราลงมือทำ และทำด้วยตนเองคิดช่วยเหลือตัวเองก่อน ก่อนที่จะคิดหวัง รอ...หรือขอให้ใคร มาช่วยเหลือเรา
๑๕.เข้าใจตัวเอง รู้กำลังตัวเอง รู้จักตัวเอง รู้ความสามารถของตัวเอง และใช้มันให้เต็มที่
๑๖.ตั้งเป้าเล็ก ๆ เอาไว้ แล้วทำให้สำเร็จ
อย่าเพลินฉลองความสำเร็จจนลืมก้าวต่อไป
ขอบคุณหนังสือดี ๆ
ต้นกล้า นัยนา. แค่เปลี่ยนมุมคิด โลกก็เปลี่ยนแล้ว. กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕๔๗.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น