คำคม

ปัญหามีไว้ให้หาปัญญา อุปสรรคมีไว้ให้ฝึกหาทางออก วันไหนที่มีความสุข วันนั้นอย่าทำความสุขในชีวิตหล่นหาย

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

ฝึกสมองให้ฉลาดโดยการ "อ่านให้เร็ว"

โดยปกติแล้วโดยเฉลี่ยคนเรามีความสามารถในการอ่าน ได้ประมาณ 125-250 คำต่อนาที แต่เราสามารถพัฒนาความสามารถในการอ่านของเราได้ถึง 500-1000 คำต่อนาที

หากเรามีความสามารถในการอ่านเร็ว นั่นหมายความว่าใน 5 นาทีเราอ่านคำต่างๆได้ถึง 2,500 คำ ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดทั้งเวลาและพัฒนาความรู้ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

การอ่านหนังสือเร็วและจับใจความได้เป็นขั้นตอนของการใช้สมาธิ จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น โดยเทคนิค 3 ข้อนี้จะช่วยให้เรามีสมาธิในการอ่านดีขึ้น

1. กำจัดสิ่งที่รบกวนออกไป ทุกสิ่งที่ทำให้เราขาดสมาธิในการอ่านไม่ว่าจะเป็น เช่น เสียงทีวี เสียงวิทยุ กลิ่น ยุง หรือบรรยากาศอื่นๆที่ทำให้เราคิดฟุ้งซ่านไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อต่อสิ่งที่เราจะอ่านได้นั้น ควรกำจัดออกไป

2. หาเหตุผลในการอ่านและสร้างจุดสนใจ ถามตัวเองว่าทำไมต้องอ่าน สร้างแรงจูงใจ จะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนในการอ่านได้ ทำให้รู้สึกอยากอ่านและมีใจจดจ่อ หากเราอ่านธรรมดาและไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้นจะทำให้ไม่อยากอ่าน

หากไม่สามารถทำได้ให้ออกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นก่อน แล้วกลับมาคิดถึงจุดสนใจของสิ่งที่จะอ่านใหม่จะช่วยให้มีสมาธิในการอ่านได้

3. หยุดพักเป็นระยะ หยุดพักการอ่านเมื่อจบบท เพื่อทบทวนสิ่งที่เราอ่านไปแล้ว อาจจดบันทึกไว้ด้วย เพื่อว่าเมื่อเรากลับมาอ่านใหม่สมองจะเปิดรับสิ่งที่จะอ่านต่อไป ได้ดีขึ้นมากกว่าการทนอ่านไปเรื่อยๆ เพราะจะทำให้สมองล้า และการหยุดพักในการอ่านบ้างจะช่วยให้จับใจความได้ดีขึ้น

ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยพัฒนาการอ่านให้ดีขึ้น คือการกำขัดสิ่งที่รบกวนออกไป หาเหตุผลและความสนใจในการอ่านและหยุดพักสายตาบ้าง จะช่วยให้เรามีสมาธิในการอ่านดีขึ้น

คราวนี้ลองมาดูเทคนิคในการอ่านเร็วกันบ้าง
1. ลองหยิบหนังสือเล่มเก่ามาอ่านใหม่ ฝึกการอ่านเร็วโดยการหยิบหนังสือที่เคยอ่านมาแล้วมาอ่านอีกครั้ง เพราะเราทราบแล้วว่าเรื่องราวในหนังสือเป็นอย่างไร จะทำให้ง่ายขึ้น จับเวลาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วลองแข่งกับเวลาดู

การอ่านโดยรู้เรื่องราวมาก่อนแล้วจะทำให้เรามีสมาธิ อ่านได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความเร็วในการอ่านจะค่อยๆดีขึ้นและเราจะพัฒนาการอ่านหนังสือประเภทอื่นๆที่แตกต่างออกไปได้ด้วยในเวลาเดียวกัน

2. ทำความคุ้นเคยกับสิ่งที่จะอ่าน เช่น สังเกตโครงสร้างของหนังสือ รู้จักปกหน้า ปกหลัง สารบัญ ดัชนี บรรณานุกรม


3. ใช้เทคนิค scanning ( แบบค้นหา ) ก่อนเริ่มการอ่าน พูดง่ายๆคือหาประเด็นสำคัญในการอ่านให้พบ เป็น scanning คือการกวาดตาอย่างรวดเร็วเพื่อหาเป้าหมายหรือข้อมูลสำคัญ เราต้องรู้ว่าเราอ่านเพื่อค้นหาอะไรอยู่ เหมือนเวลาเราตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือการตรวจผลรางวัลรายชื่อการจับฉลาก เป็นต้น

4. ใช้เทคนิค skimming ( กวาดสายตาในการอ่าน ) เราควรกวาดสายตาคร่าวๆหาคำสำคัญ หรือประเด็นสำคัญอีกครั้งหลังการอ่าน skimming ( กวาดสายตาในการอ่าน )จะช่วยให้เข้าใจสิ่งที่อ่านมากขึ้น การจับประเด็นสำคัญได้ จะทำให้เราทราบว่าผู้เขียนต้องการอะไร และทำให้การอ่านของเรามีชัยไปกว่าครึ่ง

5. ทำเครื่องหมายในขณะที่อ่านไปด้วย ขีดเส้นใต้หรือทำเครื่องหมายกำกับไว้เมื่อเห็นข้อความสำคัญ สิ่งนี้จะช่วยในการจับใจความ และทำให้การอ่านของเราเร็วขึ้น อย่าทำเครื่องหมายไว้ทั้งหน้า เอาแค่ประเด็น
สำคัญเท่านั้น ทำเครื่องหมายไว้ประมาณ 10% ของทั้งหมด ส่วนอีก 90%เป็นรายละเอียดของเนื้อหาซึ่งต้องอ่านให้เข้าใจ การทำเครื่องหมายจับประเด็นสำคัญๆเอาไว้จะทำให้การอ่านของเราง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้นในเวลาเดียวกัน

6. การอ่านหนังสือที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องออกเสียงออกมาด้วย และไม่ต้องสะกดที่ละคำ เพราะจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Cambridge สหรัฐอเมริกาค้นพบว่าสมองของเราถูกออกแบบมาให้อ่านโดยภาพรวม เช่น ฉัรนกัธเอ ก็สามารถอ่านออกได้ทันทีว่า ฉันรักเธอ ดังนั้นการอ่านออกเสียงจะทำให้สมองต้องทำงานหลายขั้นตอน

7. อ่านแล้วสร้างภาพขึ้นในสมองด้วย จะทำให้การทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น ฉันเห็นนกสีแดงเล็กๆบินสูงบนท้องฟ้าสีคราม

8. ปัจจัยที่ทำให้การอ่านช้าลง คือ ความเหนื่อยล้า การขาดแรงจูงใจ การค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมาย และการอ่านแบบต้องการความเข้าใจแบบ 100% รวดในครั้งเดียว

จากหนังสือ Speed Reading Manual ทำให้ทราบว่าหากเราฝึกความสามารถในการอ่านเร็วได้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาให้เรามีความรู้ที่กว้างไกลแล้ว การอ่านเร็วนั้นเป็นพัฒนาสมองของเราให้ฉลาดขึ้นโดยไม่รู้ตัวด้วย ขอเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านทุกคนครับ

ขอขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น